ภาพจำลองนกแก้วยักษ์เฮราเคิลส์ วาดโดย ดร.ไบรอัน ชู (Dr. Brian Choo) เมื่อนกแก้วชนิดนี้ยืนขึ้นจะสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์
ภาพจำลองนกแก้วยักษ์เฮราเคิลส์ วาดโดย ดร.ไบรอัน ชู (Dr. Brian Choo) เมื่อนกแก้วชนิดนี้ยืนขึ้นจะสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์
เจอกระดูกนกแก้วดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่สูงเกือบ 1 เมตรในนิวซีแลนด์ และเคยอาศัยอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 19 ล้านปีก่อน
ทีมนักบรรพชีวินวิทยานานาชาติได้ร่วมกันตีพิมพ์เผยแพร่การค้นพบกระดูกของนกแก้วดึกดำบรรพ์ลงวารสารไบโอโลจีเลตเตอร์ส (Biology Letters) ฉบับล่าสุด โดยประเมินจากกระดูกท่อนขาคาดว่านกแก้วดึกดำบรรพ์นี้น่าจะตัวสูงประมาณ 1 เมตร หรือประมาณครึ่งตัวของมนุษย์เมื่อยืนเทียบกัน และมีน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม
พอล สกอฟิล์ด (Paul Scofield) ภัณฑรักษ์อาวุโสด้านธรรมชาติวิทยาประจำพิพิธภัณฑ์แคนเทอร์เบอรี (Canterbury Museum) นิวซีแลนด์ บอกเอเอฟพีว่า นกดึกดำบรรพ์นี้อาจจะบินได้ แต่ทีมของเขาวางเงินว่าเป็นนกที่บินไม่ได้มากกว่า
กระดูกนกโบราณนี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.2008 แต่ไม่มีใครแน่ใจว่าเป็นสัตว์ชนิดใด และตัวอย่างที่ถูกค้นพบนี้ก็ถูกวางให้ฝุ่นเกาะอยู่ถึง 11 ปี จนกระทั่งทีมนักบรรพชีวินวิทยาได้นำตัวอย่างมาวิเคราะห์อีกครั้งเมื่อต้นปี ค.ศ.2019 นี้
สกอฟิล์ดบอกว่า ความคิดที่ว่ากระดูกดังกล่าวเป็นของนกแก้วยักษ์นั้นไม่อยู่ในหัวของพวกเขาเลย พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นนกอินทรีย์ชนิดหนึ่ง กระทั่งได้กลับไปพิจารณาตัวอย่างอีกครั้ง
นกแก้วดึกดำบรรพ์ได้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
“เฮราเคิลส์ อินเอกซ์เปคทาทัส” (Heracles inexpectatus) เพื่อสะท้อนถึงขนาดที่กำยำและร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมทั้งธรรมชาติทีไม่อาจคาดเดาของการค้นพบครั้งนี้
ไมค์ อาร์เชอร์ (Mike Archer) จากศูนย์วิจัยบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (The University of New South Wales) ออสเตรเลีย บอกว่า เพราะนกแก้วเฮราเคิลส์เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ จึงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นแก้วที่มีจงอยปากขนาดมหึมาที่สามารถกะเทาะเปิดทุกอย่างที่ต้องการ และอาจจะกินมากกว่าแค่อาหารนกแก้วทั่วไป โดยอาจจะกินนกแก้วชนิดอื่นๆ ด้วยก็ได้
คาดว่านกแก้วดึกดำบรรพ์นี้มีขนาดประมาณโดโด้ (dodo) นกพิราบยักษ์ และอาจมีขนาดเป็น 2 เท่า ของกากาโป (kakapo) นกแก้วที่บินไม่ได้และเสี่ยงสูญพันธุ์อย่างยิ่งของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นนกแก้วขนาดใหญ่ที่สุดที่รู้จักกันก่อนหน้านี้
หลักฐานของนกแก้วเฮราเคิลส์นี้ถูกขุดพบในฟอสซิลที่เซนต์บาธานส์ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเต็มไปด้วยแหล่งฟอสซิลจากยุคไมโอซีน (Miocene) ซึ่งเป็นยุคเมื่อช่วง 5 ล้านถึง 23 ล้านปีก่อน